คลลาเจนผง กินถูกต้องจะมีประโยชน์ กินผิดอาจจบชีวิต



คลลาเจนผง กินถูกต้องจะมีประโยชน์ กินผิดอาจจบชีวิต!!






           ในยุคที่อะไรๆก็ผิวขาว อะไรๆก็คอลลาเจน อะไรๆก็เน็ตไอดอลคนนั้นก็กิน คนนี้ก็กิน ยิ่งมีดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วยแล้ว เหล่าผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากเลย  ส่วนน้อยที่จะหาข้อมูลในการทานแบบถูกวิธี และเหมาะสมกับตัวเอง

          คอลลาเจนก่อนจะเลือกซื้อมารับประทาน ต้องตรวจสอบร่างกายตัวเองก่อนว่า เป็นผู้ที่แพ้โปรตีน และอาหารทะเลรึเปล่า ถ้าแพ้อย่างที่กล่าวมา ก็ไม่สามารถรับประทานคอลลาเจนได้ค่ะ

          คอลลาเจน คือ เนื้อตัวเรานี่แหละ เส้นผมก็ใช่ เล็บก็ใช่ กล้ามเนื้อ เนื้อ หนังก็ใช่ และโปรตีนที่อยู่ในเนื้อสัตว์อื่นๆ อีกมากมายก็เช่นกัน แต่ที่นิยมกันในเวลานี้ก็คงไม่พ้นคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก ที่อ้างสรรพคุณต่างๆมากมาย บอกแต่ข้อดี แต่ข้อเสียที่สาวๆควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ซื้อมารับประทาน คือ

- รับประทานไปแล้วเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน แต่ถ้าแพ้มากๆ จะเกิดอาการบวม แน่นหน้าอก จนถึงขั้นหายใจไม่ออก เพราะฉะนั้นคนที่แพ้อาหารทะเล จึงไม่สามารถใช้คอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกได้

- คลอลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึกมักจะพบสารปนเปื้อนจากพวกโลหะหนักที่ติดมาจากทะเลน้ำลึก ได้แก่ พวกตะกั่ว ปรอท เป็นต้น

          สำหรับบุคคลที่ไม่แพ้ ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย หากกินทุกวันไตทำงานหนัก ไม่ได้หยุดพักจะพบปัญหาเรื่องไตทำงานหนัก จนถึงขั้นไตวาย ใช่ว่ากินให้ขาวแล้วจะกินแต่แค่คอลลาเจนเพียงอย่างเดียว แต่ที่ขาวได้เพราะ ผู้ผลิตบางรายเลือกที่จะผสมกลูต้าไธโอนลงไปด้วย ทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างมาก
เพราะกลูต้าไธโอนคือสารปรอทดีๆนี่เอง ซึ่งจะช่วยทำให้ขาว แต่ขาวในเวลาอันสั้น หากกินติดต่อกันไม่ได้พัก ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 ปี หรือเกินกว่านั้น จะทำให้เกิดภาวะไตวายได้

ผลข้างเคียงของคนที่กินคอลลาเจนผง คือ

  • มีอาการหน้ามืด 
  • อาการวูบ 
  • ความดันลดลง 
  • ลุกขึ้นมารู้สึกวิงเวียนศีรษะ


          แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ คอลลาเจนผงพวกนี้ส่วนมากจะผสมคาเฟอีน กับน้ำตาลฟรุกโตส เพื่อให้คนที่ดื่มรู้สึก สดชื่อ กระปี้กระเปร่า ร่างกายไม่อ่อนเพลีย จึงไม่ค่อยรู้สึกถึงผลที่จะตามมาด้วย

          ถ้าต้องการจะกินคอลลาเจนจริงๆ แนะนำให้กินจากธรรมชาติที่มีอยู่ค่ะ เวลาคุณสาวๆ หรือคุณผู้ชายที่สนใจในคอลลาเจน และอยากทานจริงๆ ควรคำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาด้วยนะคะ และควรศึกษาการกินคอลลาเจนที่ถูกวิธี หรือปรึกษาแพทย์หรือเภสัชโดยตรงดีกว่าค่ะ






ที่มา : www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9560000029628 

ความคิดเห็น